วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

LOGO ธุรกิจ


"Pig milk"  แฟรนไชส์นมสด




            ทุกวันนี้นับได้ว่าธุรกิจที่มีการพัฒนาและเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมีมากมาย แต่มีธุรกิจไม่มากนักที่จะประสบความสำเร็จในเวลารวดเร็วได้ แต่มีอีกหนึ่งธุรกิจที่ทำให้ได้ผลกำไรได้เร็วและมีการพัฒนายิ่งๆขึ้นไป คือ "Pig milk แฟรนไชส์นมสด ที่กำลังนิยมกันในทุกวันนี้และมีกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทั้งเด็กและผู้ใหญ่ Pig milk มีรูปแบบแฟรนไชส์ต่างๆที่น่าสนใจ ผู้ที่สนใจจะดำเนินธุรกิจขนาดย่อยจะสามารถเลือกได้จากความสามารถในการลงทุน พื้นที่ๆ จะจัดตั้ง และกลุ่มเป้าหมาย โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบคือ
           
  • แบบที่ 1 pig Milk Home เป็นร้านค้าเต็มรูปแบบ มีที่นั่งใช้เนื้อที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตร ขึ้นไป ค่าแฟรนไชส์ 100,000 บาท
  • แบบที่ 2 pig Milk Hut เป็นร้านค้ารูปแบบซื้อเพื่อนำกลับ หรือ grab and go ใช้เนื้อที่ตั้งแต่ 15-30 ตารางเมตร ค่าแฟรนไชส์ 80,000 บาท
  • แบบที่ 3 pig Milk Mobile เป็นร้านค้าเคลื่อนที่ สามารถจอดได้ทุกสถานที่ ค่าแฟรนไชส์ 50,000 บาท
ความหมายของโลโก้
       เราจะใช้ หมูเป็น เพื่อสื่อถึงความน่ารัก น่าสนใจของตัวธุรกิจ ช่วยดึงดูดความสนใจให้กับธุรกิจ
และยังสื่อถึงความอิ่มเอมใจกับสัมผัสของนมสดที่แสนอร่อยทั้งรสชาติที่นุ่มนวล

สรุปเนื้อหาวิชา New Venture



สรุปเป็น mind mapping



วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

ผู้นำ 6 Style เลือกใช้ให้เหมาะสม


เลือกผู้นำ คนที่   3. Affiliative Leadership

         เพราะผู้นำลักษณะแบบนี้คิดว่าคนที่ทำงานด้วยจะมีความสุขในการทำงาน และทำงานอย่างตั้งใจและเต็มใจทำ เหมือนกับสุภาษิตไทยได้บอกไว้ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ดังนั้นจึงเลือกผู้นำที่มีอุปนิสัยในแบบนี้ เป็นรูปแบบของผู้นำที่มองถึงความรู้สึกของผู้ตาม มุ่งเน้นที่ความสุข ความเป็นกันเองและความสบายใจ เป็นลักษณะของผู้นำที่เข้ามาช่วยเวลาที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเพื่อดึงคนให้เข้าหากัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นรูปแบบของผู้นำที่ควรถูกนำมาใช้ในเวลาที่มีความขัดแย้งหรือความเครียดเกิดขึ้นในองค์กร 





วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ส่งงานครั้งที่ 10


หลังจากที่ฟังพี่ทัศนีย์ รุ่นพี่ของเราแล้ว ท่านคิดว่ามีประเด็นกี่ด้านและเป็นอย่างไรบ้าง หากว่าท่านจะประยุกต์ใช้กับการเป็นผู้ประกอบการควรจะทำอย่างไร



         จากที่ได้รับฟังประวัติการเรียนและการทำงานของพี่แล้วทำให้รู้สึกว่าไม่จำเป็นเสมอไปว่าเราจบด้านนี้แล้วจะต้องไปทำงานเฉพาะด้าน ที่จริงแล้วเราสามารถที่จะเลือกในเส้นทางอาชีพของเราได้แล้วการปนะกอบธุรกิจของเราได้สิ่งที่พี่ทัศนีย์ได้พูดมานั้นมีประโยนช์ในทุกๆด้านเลย เช่น ในการใช้ชีวิตในสังคมที่มีความเห็นแกตัว การทำงาน ว่าเราจะเข้ากับหัวหน้างานได้ไหม มีคนอิจฉาเราไหม เราสามารถที่จะทนกับความกดดันต่างๆได้ไหมนี้ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญกับการดำเนินชีวิต และสิ่งที่พี่ได้บอกและพี่ๆหลายคนที่เคยมาเล่าประสบการณ์การทำงานก็คือลูกค้า เมื่อเราจะเป็นผู้ประกอบการเราก็ต้องเห็นลูกค้าเป็นใหญ่ ลูกค้าอยากได้อะไรเราก็ต้องหาให้เพื่อทำให้งานของเราออกมาดี แต่สิ่งที่เราจะตกลงรับงานนั้นจะต้องมีสัญญาในการตกลงทำงานซื้อขายก่อนเสมอ
           ไม่ว่าจะสนิทหรือรู้จักกับลูกค้ามากแค่ไหนก็จำเป็นที่จะต้องทำสัญญาข้อตกลงร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา พี่แกยังพูดอีกว่าเจอลูกค้ามาหลายรายแล้วที่ไม่ยอมจ่ายเงินเมื่อได้สินค้าไปแล้ว จึงอยากที่จะบอกให้ผู้ที่จะเป็นผู้ประกอบการนั้นควรระวัง และการทำงานกับลูกค้าเรานั้น ผู้ประกอบการจะต้องมีความซื่อสัจสุจริตต่อลูกค้า สิ่งไหนว่าไม่ดีไม่เหมาะสมก็ควรที่จะบอก เพื่อจะทำให้ลูกค้าเชื่อในการทำงานเชื่อในประสบการณ์และความจริงใจต่อผู้ประกอบการและต่อลูกค้าของเราด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กฎหมายมีความสำคัญกับผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไร


 
        ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักละเลยไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของกฎหมาย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือมักจะมองข้ามไป หากไม่เกิดปัญหาหรือข้อพิพาทขึ้นก็มักจะไม่คิดถึงเรื่องกฎหมาย ทั้งๆที่จริงแล้วการประกอบกิจการไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามล้วนต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายทั้งสิ้น การที่ผู้ประกอบกิจการประเภทใดก็ตามทำให้ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่เริ่มและยึดหลักกฎหมายในการดำเนินกิจการเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเกิดข้อพิพาททางกฎหมายขึ้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกก็มักจะต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการดำเนินการเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการจึงควรคำนึงถึงหลักการประกอบการตามสุภาษิตไทยที่ว่า"กันไว้ดีกว่าแก้"
          หากจะประกอบกิจการโดยก่อตั้งเป็นบริษัทในการเริ่มดำเนินการล้วนแต่มีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ในเริ่มต้นจะต้องมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยมีผู้ร่วมกิจการ 7 คน ซึ่งเป็นข้อบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทย เมื่อก่อตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาแล้ว บริษัทจะมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีความรับผิดเป็นของตนเองแยกออกจากบุคคลผู้เป็นเจ้าของกิจการ (ผู้ถือหุ้น) บริษัทจะอยู่ภายใต้การบริหารของกรรมการ ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งหรือถอดถอนได้จากผู้ถือหุ้น ความรับผิดของผู้ถือหุ้นจะมีจำกัดเพียงเงินที่ยังมิได้ชำระค่าหุ้นเท่านั้น หากผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นเต็มจำนวนไปแล้วก็ไม่ต้องรับผิดในส่วนนอกเหนือจากนั้นอีก แต่ผู้ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เช่น จะต้องทำงบดุลของบริษัทส่งกรมสรรพกร ซึ่งหากกรรมการของบริษัทไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด การไม่ส่งงบดุลของบริษัทนั้นนอกจากบริษัทจะต้องเสียค่าปรับแล้ว ตัวกรรมการยังมีโทษทางอาญาอีกด้วย

เมื่อประกอบธุรกิจแล้วมีการซื้อขายสินค้า มีการทำสัญญาเช่าก็จะต้องมีการชำระค่าสินค้าหรือค่าเช่า บางครั้งอาจชำระเป็นเช็ค ซึ่งเช็คตามกฎหมายถือเป็นตราสารชนิดหนึ่งเพื่อประโยชน์ในทางการเงิน การสั่งจ่ายเช็คโดยที่ไม่มีเงินในบัญชี หรือมีเงินในบัญชีไม่พอเมื่อครบกำหนดตามเช็ค อาจมีโทษทางอาญาทั้งจำหรือปรับ หากผู้ประกอบการขาดความเข้าใจในเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับเช็ค ผลสุดท้ายอาจทำให้ผู้ประกอบการต้องรับโทษทางอาญาโดยที่ผู้ประกอบการไม่มีเจตนาจะไม่ชำระเงินตามเช็ค แต่อาจเกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยก็เป็นได้

ในการประกอบกิจการหากต้องมีการทำสัญญากับบุคคลภายนอก ถ้อยคำในสัญญา  บางครั้งเป็นภาษากฎหมาย ผู้ประกอบการอาจไม่เข้าใจกับภาษากฎหมาย เมื่อผู้ประกอบการลงนามในสัญญานั้นไปแล้วก็เท่ากับผูกพันตนไปกับสัญญานั้น ทั้งที่ยังไม่เข้าใจข้อสัญญาอย่างถ่องแท้ ซึ่งส่งผลให้อาจเสียเปรียบกับคู่สัญญาได้

ปัญหาและข้อพิพาทต่างๆของผู้ประกอบการในการทำธุรกิจก็มักเกิดจากความไม่เข้าใจหรือขาดความรู้ทางด้านกฎหมายของตัวผู้ประกอบการ รวมถึงไม่ให้ความสำคัญในเรื่องกฎหมายอันจะนำมาซึ่งความเสียหายในอนาคต

ดังนั้น ก่อนที่จะประกอบธุรกิจรูปแบบใดก็ตาม นอกจากจะศึกษาหาความรู้ในเรื่องตัวสินค้า กระบวนการผลิต วิธีการหาตลาด ฯลฯ ผู้ประกอบการควรศึกษาหาความรู้ในด้านกฎหมายควบคู่ไปด้วย อาจไม่ต้องศึกษาจนเชี่ยวชาญเท่ากับนักกฎหมาย แต่ก็ควรศึกษาจนถึงขั้นเข้าใจจนไม่ให้ใครมาเอาเปรียบได้ หากไม่สามารถศึกษาด้วยตนเองได้ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือนักกฎหมาย

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตอบคำถามประจำสัปดาห์ ที่ 8

เมื่อฟัง พี่ถาวร แล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร 


         จากที่ได้รับฟังประสบการณ์ ของพี่ๆแล้วทำให้ได้รับรู้ในเรื่องราวของการทำงาน การใช้ชีวิตจริงในสังคมเมืองในปัจจุบัน ได้รู้ว่าในการทำงานมีอุปสรรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจ้านาย ถ้าเรามีเจ้านายที่ดีการทำงานก็จะดีไปแต่หากเราเจอเจ้านายที่ชอบให้เราต้องประจบก็อาจจะแย่ ทั้งนี้ในเรื่องราวที่พี่ได้เล่ามาทำให้รู้ในเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งในการใช้ชีวิตจริง การปรับตัว แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ถาวรได้บอกก็คือการลาออกจากงานเพื่อมาทำงานเป็นผู้ประกอบการเอง เพราะพี่แกอยากออกมาอยู่กับพ่อแม่และครอบครัว แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ พี่ถาวรบอกว่าเราต้องอดทน ต้องสู้กว่าจะมีเงินที่พอกินพอใช้ และทำให้ครอบครัวสบาย ถือได้ว่าแกเป็นตัวอย่างที่ดูเลยก็ว่าได้ พี่เก่งมากนะคะ ตอนที่นั่งฟังไปก็คิดว่า เราจบไปแล้วจะไปทำอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ถาวรได้บอกก็คือ เราต้องอดทนและสู้ เพื่อจะได้ในสิ่งที่เราต้องการ

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำถามประจำสัปดาห์ 5

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการท่องเที่ยวและสุขภาพ

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านสุขภาพ
ประยุกต์ใช้ในงานสาธารณสุขและการแพทย์
         เทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการนำมาใช้ในการพัฒนา ด้านสาธารณสุขอย่างกว้างขวาง และทำให้งานด้าน สาธารณสุขเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับระบบการบริหารงาน และนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานต่างๆ ดังนี้ 
   - ด้านการลงทะเบียนผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มทำบัตร จ่ายยา เก็บเงิน
   - การสนับสนุนการรักษาพยาบาล โดยการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถสร้างเครือข่ายข้อมูลทางการแพทย์ แลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ป่วย
   - สามารถให้คำปรึกษาทางไกล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลที่เป็นเอกสาร หรือภาพเพื่อประกอบการพิจารณาของแพทย์ได้
   - เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในการ ให้ความรู้แก่ประชาชนของแพทย์ หรือหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ได้ผลขึ้น โดยสามารถใช้สื่อต่างๆ เช่นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวมีเสียงและอื่นๆ เป็นต้น

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการท่องเที่ยว
         เทคโนโลยีผสมกลมกลืนกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยการพัฒนาต่างๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของโทรศัพท์มือถือ Smart Phone และ Tablet ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งหมายถึงผู้คนจะเชื่อมต่อกันตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกบ้าน ดังนั้น ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีมีบทบาทในอนาคตอย่างมากในการยกระดับประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวของนักเดินทาง เนื่องด้วยบริการบอกตำแหน่งสถานที่ (Location-based services) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้จัดหาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทางต่างๆ มีความสามารถในการติดตาม, โต้ตอบกับนักท่องเที่ยวได้ดีกว่า ทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและแม่นยำกว่า ซึ่งเป็นการทำให้ความพอใจของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โลกปัจจุบันที่อยู่ในช่วงรอยต่อของการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวอย่างเช่น iPad ได้เปลี่ยนแปลงการนั่งใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้มาอยู่ในมือของผู้บริโภคแทน ธุรกิจที่สนใจในเทคโนโลยีแบบนี้และสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่จะมีข้อดีเหนือกว่าคู่แข่งด้วยการเข้าถึงและการขยายความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยั่งยืนกับลูกค้า

     แม้ว่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีการใช้กันอย่างกว้างขวางในภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ครอบคลุมในทุกภาคส่วน ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการบินที่ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาตั้งแต่ต้นในการบริหารจัดการและทำให้การปฏิบัติการต่างๆ ง่ายขึ้น โดยเกิดข้อดีมากมาย แต่ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมโรงแรมที่พักต่างๆ รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวขนาดเล็กกลับสนใจระบบนี้น้อยกว่าและเริ่มจะหันมาสนใจไม่นานนัก ทั้งๆ ที่ในครึ่งศตวรรษมีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่จะเห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น รวมทั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศยังคงเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้ว
ภาพรวม

     ข้อมูลข่าวสารถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นในภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากถ้าปราศจากข้อมูลข่าวสารเหล่านั้น จะทำให้แรงกระตุ้นของลูกค้าและความสามารถในการจองการเดินทางถูกจำกัดอย่างมาก กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่าง เช่น การผลิต (generation), การรวบรวม (gathering), การจัดการ(processing), การใช้ประโยชน์ (application) และการสื่อสาร (communication) ของข้อมูล สำคัญในการปฏิบัติการต่างๆ ในภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องการข้อมูลก่อนการเดินทางในการช่วยวางแผนและเป็นตัวเลือก รวมทั้งต้องการข้อมูลที่เป็นรายละเอียดระหว่างการเดินทางเพื่อเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวแบบอิสระ การจัดการเรื่องที่พัก การเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ การวิจัยแสดงให้เห็นว่ายิ่งระดับความเสี่ยงทางการรับรู้มีมากขึ้นเท่าไร นักท่องเที่ยวก็จะหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อโปรแกรมการท่องเที่ยวมากขึ้นเท่านั้น


 

     การท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางการเงินและทางอารมณ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสังคมชาวตะวันตก เวลาได้กลายเป็นสิ่งหายาก ซึ่งจะเห็นได้จากนักท่องเที่ยวจำนวนมากเห็นว่าวันพักผ่อนเป็นการลงทุนทางอารมณ์และทางการเงินที่สำคัญซึ่งไม่สามารถแทนด้วยสิ่งใดได้ ดังนั้น เพื่อที่จะลดความเสี่ยงของพวกเขาให้เหลือน้อยที่สุด พวกเขาจะเลือกโปรแกรมการท่องเที่ยวอย่างระมัดระวังโดยหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะใช้ในการตัดสินใจและลดช่องว่างระหว่างความคาดหวังและประสบการณ์ การเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างแม่นยำและทันเวลา จึงมีความสำคัญมากในการช่วยพวกเขาตัดสินตัวเลือกที่เหมาะสม
คุณค่าสำคัญของข้อมูลก่อนการเดินทาง
     การต้องการข้อมูลก่อนการเดินทางถูกให้ความสำคัญต่างกันตามลักษณะของสินค้าและบริการการท่องเที่ยว  อันดับแรกคือการจับต้องไม่ได้ซึ่งไม่เหมือนกับสินค้าทั่วไป  การท่องเที่ยวไม่สามารถตรวจสอบได้ก่อนการซื้อ  ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับคำบรรยายต่าง ๆ ที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวเห็นความแตกต่างของสินค้าและการบริการต่าง ๆ  อันดับสองคือความซับซ้อนและการพึ่งพาอาศัยกัน  บริการการท่องเที่ยวมีความหลากหลายและในความหลากหลายนี้เองที่ทำให้แต่ละบริการมีความน่าสนใจตั้งแต่แรก  นอกจากนี้บริการการท่องเที่ยวไม่สามารถให้บริการโดยลำพังได้  การผสมผสานอย่างไม่รู้จบ และตัวเลือกเส้นทางท่องเที่ยว รูปแบบการเดินทาง เวลาและที่พักทำให้การท่องเที่ยวยุ่งยากแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์ก็ตาม


     ผู้จัดหาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวจัดหาข้อมูลดังกล่าวในรูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น แผ่นพับ ใบปลิว หรือคู่มือท้องถิ่น  อย่างไรก็ตามการพัฒนาและแจกจ่ายสิ่งโฆษณาเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายและใช้เวลาพอสมควร  สิ่งตีพิมพ์แต่ละชิ้นต้องได้รับการออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้อ่านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และข้อจำกัดของพื้นที่หมายความถึงการต้องเลือกรูปภาพใส่ลงไปในสื่อเหล่านั้น  และที่สำคัญกว่านั้น ข้อมูลที่อยู่ในสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ จะไม่เปลี่ยนแปลง  ในขณะที่ข้อมูลจำนวนมากที่จำเป็นในการขายบริการท่องเที่ยวนั้นต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อตอบสนองอุปสงค์และอุปทาน  ดังนั้น ก่อนที่จะทำการจองนักท่องเที่ยวจะติดต่อกับผู้จัดหาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวเพื่อยืนยันว่าสินค้าและบริการการท่องเที่ยวนั้นยังคงให้บริการอยู่ รวมทั้งเป็นการตรวจสอบราคาที่ขายจริง  ด้วยกระบวนการเช่นนี้ นักท่องเที่ยวต้องดำเนินขั้นตอนอย่างน้อย 3 ขั้นตอนในการซื้อสินค้าและบริการการท่องเที่ยว เริ่มจากการค้นหาข้อมูล การติดต่อกับผู้จัดหาสินค้าและบริการ และสุดท้ายการจอง ผู้จัดหาบริการการท่องเที่ยวต้องจัดเจ้าหน้าที่จำนวนมากไว้ตอบคำถามทางโทรศัพท์ โต้ตอบอีเมล รวมทั้งดูแลงานเอกสารต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดต้นทุนการบริหารจัดการที่สูง  โดยลูกค้ามักจะพบกับความล่าช้าในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ จึงทำให้เป็นการจำกัดความสามารถในการจองบริการการท่องเที่ยว